Every day

7:00 - 18:00

Call us

0970405069 , 0956416356

“รากฟันเทียม”

การทดแทนฟันที่สูญเสียไปให้มีฟันใหม่ที่แข็งแรง

“รากฟันเทียม” การทดแทนฟันที่สูญเสียไปให้มีฟันใหม่ที่แข็งแรง

“รากฟันเทียม” เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแทนที่ฟันที่สูญเสียไปด้วยฟันที่แข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแข็งแรงและคงทนในการย่อยอาหารและการพูดคุย รากฟันเทียมประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน:

  1. **ส่วนรากเทียม (Implant Body or Fixture):** เป็นส่วนที่ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร เป็นเหมือนรากฟันที่จะช่วยยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนา เหมือนเกาะติดของฟันธรรมชาติ
  1. **Implant Abutment:** เป็นส่วนที่มีหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนรากเทียมและส่วนทันตกรรม ส่วนนี้สามารถทำจากวัสดุเช่นทองเหลือง, และเซรามิค เพื่อให้มีการต่อเนื่องกันอย่างแข็งแรงและเข้ากันได้ดี
  1. **ส่วนทันตกรรมประดิษฐ์ (Prosthetic Component):** เป็นส่วนของฟันเทียมที่เราเห็นและใช้งานจริง ๆ เช่น ครอบสะพานฟัน, ฟันเทียมถอดได้ที่ถอดได้และแนบกับ Implant Abutment โดยใช้วิธีการติดและยึดที่ส่วนระหว่างรากเทียมและส่วนทันตกรรมประดิษฐ์ เพื่อให้ฟันเทียมมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด.

ด้วยวิธีการนี้, ผู้ที่ใส่รากฟันเทียมสามารถมีฟันแข็งแรงและสวยงามอย่างเหมือนกับฟันธรรมชาติได้อย่างแท้จริง และสามารถใช้งานได้อย่างปกติโดยไม่มีความจำเป็นต้องระวังอะไรเพิ่มเติมในการดูแล.

รากฟันเทียมมีข้อดีมากมายที่ควรพิจารณา

  1. การทำไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง ช่วยป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง เสริมสร้างสุขภาพช่องปากได้อย่างดี
  2. ได้รับฟันใหม่ที่แข็งแรง คงทนและถาวร สามารถบดเคี้ยวได้ดีและมีประสิทธิภาพ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
  3. เพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  4. ไม่มีปัญหากับการพูด การออกเสียง เมื่อเปรียบเทียบกับฟันเทียมชนิดอื่นๆ
  5. ช่วยให้การใส่ฟันเทียมแบบถอดมีความรู้สึกที่สบายและแน่นกระชับยิ่งขึ้น
  6. เมื่อใช้ร่วมกับฟันเทียมแบบถอด ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขยับของฟันเทียมระหว่างพูดคุยหรือรับประทานอาหาร

ชนิดของรากฟันเทียม

รากฟันเทียม

รากฟันเทียมแบ่งได้เป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ Conventional implant, Immediate implant, และ Immediate Loaded Implant การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับลักษณะกายภาพภายในช่องปาก ความจำเป็นของผู้ป่วย และประสบการณ์ของทันตแพทย์

Conventional Implant:

– การฝังรากเทียมเริ่มต้นด้วยการตรวจวินิจฉัยสภาพช่องปากและฟัน ประกอบด้วยการพิมพ์ปากและ X-Ray หรือบางครั้งอาจจำเป็นต้องทำ CT Scan

– ผ่าตัดเล็กเพื่อฝังรากเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกร

– รอให้รากเทียมและกระดูกยึดติดกันเต็มที่ประมาณ 3-4 เดือน

– ฟันเทียมยึดกับรากเทียมในระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์

– ในบางกรณีที่มีปริมาณกระดูกน้อยมากในบริเวณที่จะฝังรากเทียม อาจต้องมีการปลูกกระดูกก่อนหรือใช้วิธีรักษาอื่น

Immediate Implant:

– การฝังรากเทียมทันทีหลังจากถอนฟันธรรมชาติออก

– ลดขั้นตอนและเวลาการทำ

– ลดการละลายของกระดูก

– เหมาะกับบริเวณฟันหน้าหรือฟันกรามน้อย

– ต้องมีปริมาณกระดูกเพียงพอที่จะให้รากฟันเทียมยึดติดได้

Immediate Loaded Implant:

– การต่อส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ เช่น ครอบฟันทั้งแบบชั่วคราวและถาวรไปที่รากฟันเทียมทันทีที่ทำการฝังรากฟันเทียม

– เวลาการรักษาสั้นกว่า

– ให้ความสวยงามดี

– คนไข้บางรายอาจใช้วิธีนี้ไม่ได้เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ

ชนิดของส่วนทันตกรรมประดิษฐ์

ชนิดของส่วนทันตกรรมประดิษฐ์มีหลายวิธีที่ทันตแพทย์สามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันทดแทนให้กับผู้ป่วยได้:

  1. การทดแทนฟัน 1 หรือ 2 ซี่:

   – การใส่ฟันเทียมติดแน่น: สามารถใช้รากฟันเทียมหรือสร้างสะพานฟัน

   – รากฟันเทียม: เป็นวิธีที่ให้ผลสำเร็จดีที่สุด ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงและง่ายต่อการทำความสะอาด

  1. การทดแทนฟันหลายซี่:

   – การใส่รากฟันเทียมรองรับครอบฟัน: สามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟัน

   – การฝังรากฟันเทียมเพื่อรองสะพานฟัน: ช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมและสามารถทำให้สะพานฟันมีประสิทธิภาพ

  1. การทดแทนฟันเป็นจำนวนมาก:

   – การฝังรากฟันเทียมเพื่อให้แน่นขึ้น: ช่วยให้ฟันเทียมแบบถอดได้แน่นขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใส่ตะขอฟันปลอม

   – การฝังรากฟันเทียมในจำนวนมาก: สามารถช่วยทดแทนฟันทั้งแบบติดแน่นและถอดได้

   – การทดแทนฟันด้วยรากฟันเทียมมีความยุ่งยากและวิธีการที่แตกต่างกันตามกรณีและความต้องการของผู้ป่วย

ผู้ที่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม และผู้ที่ไม่ควรทำ

ผู้ที่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม:

– ผู้ที่สูญเสียฟันแท้ ทุกคนสามารถรับการรักษาด้วยการใส่รากฟันเทียมได้ โดยไม่กำหนดช่วงอายุ แต่ไม่ควรทำในเด็กที่ยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่

– หญิงตั้งครรภ์ควรคลอดบุตรก่อนจึงค่อยทำรากฟันเทียม

ผู้ที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม:

– ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้าและขากรรไกร โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ลูคิเมีย หรือไฮเปอร์ไทรอยด์ ควรได้รับการรักษาเพิ่มเติมก่อนทำการฝังรากเทียม

– ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือสูบบุหรี่ อาจมีผลต่อความสำเร็จในการรักษา

– ผู้ป่วยที่มีสภาวะจิตเภท ไขข้ออักเสบรุนแรง หรือปัญหาเรื่องการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้ ไม่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม

อาการอย่างไร? แพทย์จึงพิจารณาให้ทำรากฟันเทียม

ปัจจัยสำคัญ:

– คนไข้ต้องการฟันเทียมที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพื่อการยิ้มและการพูดคุยอย่างมั่นใจ

– ต้องการการบดเคี้ยวที่มีประสิทธิภาพ

– ต้องการทดแทนฟันที่เหลืออยู่ที่ไม่แข็งแรงหรือไม่เหมาะเป็นฟันหลักยึด

ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในกรณีที่มีฟันหายไป 1-2 ซี่ และยังมีประสิทธิภาพในการทดแทนฟันแบบถอดได้มากขึ้น

การเตรียมตัวเข้ารับการทำรากฟันเทียม

– ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจและประเมินโดยละเอียดจากทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เนื่องจากอาจแก้ไขได้ยากมาก

– ทันตแพทย์จำเป็นต้องมีความรู้และความชำนาญในการเลือกรากเทียมที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและมีความเข้าใจเรื่องการบดเคี้ยว

อายุการใช้งานและการดูแลรักษา

– รากฟันเทียมมีความคงทนมาก อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของผู้ป่วย

– การดูแลรักษาเหมือนการดูแลรักษาฟันธรรมชาติ คือ การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

การทำรากฟันเทียมเป็นกระบวนการที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและให้คำแนะนำโดยทันตแพทย์ชำนาญในเชิงทางการแพทย์และทางทันตกรรมประดิษฐ์

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุลาดพร้าว

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*
*