“รากฟันเทียม”
การทดแทนฟันที่สูญเสียไปให้มีฟันใหม่ที่แข็งแรง
“รากฟันเทียม” เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแทนที่ฟันที่สูญเสียไปด้วยฟันที่แข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความแข็งแรงและคงทนในการย่อยอาหารและการพูดคุย รากฟันเทียมประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน:
- **ส่วนรากเทียม (Implant Body or Fixture):** เป็นส่วนที่ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร เป็นเหมือนรากฟันที่จะช่วยยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนา เหมือนเกาะติดของฟันธรรมชาติ
- **Implant Abutment:** เป็นส่วนที่มีหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนรากเทียมและส่วนทันตกรรม ส่วนนี้สามารถทำจากวัสดุเช่นทองเหลือง, และเซรามิค เพื่อให้มีการต่อเนื่องกันอย่างแข็งแรงและเข้ากันได้ดี
- **ส่วนทันตกรรมประดิษฐ์ (Prosthetic Component):** เป็นส่วนของฟันเทียมที่เราเห็นและใช้งานจริง ๆ เช่น ครอบสะพานฟัน, ฟันเทียมถอดได้ที่ถอดได้และแนบกับ Implant Abutment โดยใช้วิธีการติดและยึดที่ส่วนระหว่างรากเทียมและส่วนทันตกรรมประดิษฐ์ เพื่อให้ฟันเทียมมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด.
ด้วยวิธีการนี้, ผู้ที่ใส่รากฟันเทียมสามารถมีฟันแข็งแรงและสวยงามอย่างเหมือนกับฟันธรรมชาติได้อย่างแท้จริง และสามารถใช้งานได้อย่างปกติโดยไม่มีความจำเป็นต้องระวังอะไรเพิ่มเติมในการดูแล.
รากฟันเทียมมีข้อดีมากมายที่ควรพิจารณา
- การทำไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง ช่วยป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง เสริมสร้างสุขภาพช่องปากได้อย่างดี
- ได้รับฟันใหม่ที่แข็งแรง คงทนและถาวร สามารถบดเคี้ยวได้ดีและมีประสิทธิภาพ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- เพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ไม่มีปัญหากับการพูด การออกเสียง เมื่อเปรียบเทียบกับฟันเทียมชนิดอื่นๆ
- ช่วยให้การใส่ฟันเทียมแบบถอดมีความรู้สึกที่สบายและแน่นกระชับยิ่งขึ้น
- เมื่อใช้ร่วมกับฟันเทียมแบบถอด ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขยับของฟันเทียมระหว่างพูดคุยหรือรับประทานอาหาร
ชนิดของรากฟันเทียม
รากฟันเทียมแบ่งได้เป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ Conventional implant, Immediate implant, และ Immediate Loaded Implant การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับลักษณะกายภาพภายในช่องปาก ความจำเป็นของผู้ป่วย และประสบการณ์ของทันตแพทย์
Conventional Implant:
– การฝังรากเทียมเริ่มต้นด้วยการตรวจวินิจฉัยสภาพช่องปากและฟัน ประกอบด้วยการพิมพ์ปากและ X-Ray หรือบางครั้งอาจจำเป็นต้องทำ CT Scan
– ผ่าตัดเล็กเพื่อฝังรากเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกร
– รอให้รากเทียมและกระดูกยึดติดกันเต็มที่ประมาณ 3-4 เดือน
– ฟันเทียมยึดกับรากเทียมในระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์
– ในบางกรณีที่มีปริมาณกระดูกน้อยมากในบริเวณที่จะฝังรากเทียม อาจต้องมีการปลูกกระดูกก่อนหรือใช้วิธีรักษาอื่น
Immediate Implant:
– การฝังรากเทียมทันทีหลังจากถอนฟันธรรมชาติออก
– ลดขั้นตอนและเวลาการทำ
– ลดการละลายของกระดูก
– เหมาะกับบริเวณฟันหน้าหรือฟันกรามน้อย
– ต้องมีปริมาณกระดูกเพียงพอที่จะให้รากฟันเทียมยึดติดได้
Immediate Loaded Implant:
– การต่อส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ เช่น ครอบฟันทั้งแบบชั่วคราวและถาวรไปที่รากฟันเทียมทันทีที่ทำการฝังรากฟันเทียม
– เวลาการรักษาสั้นกว่า
– ให้ความสวยงามดี
– คนไข้บางรายอาจใช้วิธีนี้ไม่ได้เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ
ชนิดของส่วนทันตกรรมประดิษฐ์
ชนิดของส่วนทันตกรรมประดิษฐ์มีหลายวิธีที่ทันตแพทย์สามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อใส่ฟันทดแทนให้กับผู้ป่วยได้:
- การทดแทนฟัน 1 หรือ 2 ซี่:
– การใส่ฟันเทียมติดแน่น: สามารถใช้รากฟันเทียมหรือสร้างสะพานฟัน
– รากฟันเทียม: เป็นวิธีที่ให้ผลสำเร็จดีที่สุด ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงและง่ายต่อการทำความสะอาด
- การทดแทนฟันหลายซี่:
– การใส่รากฟันเทียมรองรับครอบฟัน: สามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟัน
– การฝังรากฟันเทียมเพื่อรองสะพานฟัน: ช่วยลดจำนวนรากฟันเทียมและสามารถทำให้สะพานฟันมีประสิทธิภาพ
- การทดแทนฟันเป็นจำนวนมาก:
– การฝังรากฟันเทียมเพื่อให้แน่นขึ้น: ช่วยให้ฟันเทียมแบบถอดได้แน่นขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใส่ตะขอฟันปลอม
– การฝังรากฟันเทียมในจำนวนมาก: สามารถช่วยทดแทนฟันทั้งแบบติดแน่นและถอดได้
– การทดแทนฟันด้วยรากฟันเทียมมีความยุ่งยากและวิธีการที่แตกต่างกันตามกรณีและความต้องการของผู้ป่วย
ผู้ที่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม และผู้ที่ไม่ควรทำ
ผู้ที่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม:
– ผู้ที่สูญเสียฟันแท้ ทุกคนสามารถรับการรักษาด้วยการใส่รากฟันเทียมได้ โดยไม่กำหนดช่วงอายุ แต่ไม่ควรทำในเด็กที่ยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
– หญิงตั้งครรภ์ควรคลอดบุตรก่อนจึงค่อยทำรากฟันเทียม
ผู้ที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม:
– ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้าและขากรรไกร โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ลูคิเมีย หรือไฮเปอร์ไทรอยด์ ควรได้รับการรักษาเพิ่มเติมก่อนทำการฝังรากเทียม
– ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือสูบบุหรี่ อาจมีผลต่อความสำเร็จในการรักษา
– ผู้ป่วยที่มีสภาวะจิตเภท ไขข้ออักเสบรุนแรง หรือปัญหาเรื่องการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้ ไม่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม
อาการอย่างไร? แพทย์จึงพิจารณาให้ทำรากฟันเทียม
ปัจจัยสำคัญ:
– คนไข้ต้องการฟันเทียมที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพื่อการยิ้มและการพูดคุยอย่างมั่นใจ
– ต้องการการบดเคี้ยวที่มีประสิทธิภาพ
– ต้องการทดแทนฟันที่เหลืออยู่ที่ไม่แข็งแรงหรือไม่เหมาะเป็นฟันหลักยึด
ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในกรณีที่มีฟันหายไป 1-2 ซี่ และยังมีประสิทธิภาพในการทดแทนฟันแบบถอดได้มากขึ้น
การเตรียมตัวเข้ารับการทำรากฟันเทียม
– ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจและประเมินโดยละเอียดจากทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เนื่องจากอาจแก้ไขได้ยากมาก
– ทันตแพทย์จำเป็นต้องมีความรู้และความชำนาญในการเลือกรากเทียมที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและมีความเข้าใจเรื่องการบดเคี้ยว
อายุการใช้งานและการดูแลรักษา
– รากฟันเทียมมีความคงทนมาก อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของผู้ป่วย
– การดูแลรักษาเหมือนการดูแลรักษาฟันธรรมชาติ คือ การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
การทำรากฟันเทียมเป็นกระบวนการที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและให้คำแนะนำโดยทันตแพทย์ชำนาญในเชิงทางการแพทย์และทางทันตกรรมประดิษฐ์