ในแต่ละปีคนไทยในทุกช่วงวัยมากกว่า 30% จะต้องเผชิญกับโรคภูมิแพ้ ที่กำลังมีอัตราการเกิดสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้สูงอายุ อาการภูมิแพ้ทั่วไปมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากอาการป่วย หรือยารักษาโรค จึงทำให้ไม่สามารถดูแลได้ตรงจุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้สูงอายุก็สามารถเป็นโรคภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกันกับวัยอื่นๆ และถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ก็สามารถปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้ที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ในผู้สูงอายุและวิธีป้องกันได้ที่นี่
โรคภูมิแพ้ (Allergies) เกิดจากภาวะภูมิไวเกินของร่างกาย ที่ทำปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเฉียบพลัน ต่อสารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผ่านการรับประทาน หายใจ หรือสัมผัส โดยระบบภูมิคุ้มกันจะเร่งผลิตสารเคมีที่มีฮีสตามีนเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อไปต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้ที่ร่างกายคิดว่าเป็นอันตราย ทำให้เราเกิดอาการแพ้ต่างๆ อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ และสามารถเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าไม่เคยแสดงอาการมาก่อน ในวัยสูงอายุ อาการภูมิแพ้ ที่พบได้บ่อยได้แก่ โรคภูมิแพ้อากาศ และโรคภูมิแพ้อาหาร
อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้ในระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย หรือหลายระบบพร้อมกัน และอาจมีความรุนแรงเล็กน้อยไปจนถึงขั้นเสียชีวิต อาการแพ้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ผื่นคันตามร่างกาย เคืองตา ท้องเสีย อาเจียน หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด จะต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
เมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำให้ผู้สูงอายุบางรายเกิดอาการแพ้อากาศเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลง สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยในอากาศ ได้แก่ ละอองเกสร ไรฝุ่น และมลพิษต่างๆ อย่างไรก็ตามการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เป็นจำนวนมาก จะไม่ช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้มากขึ้น แต่กลับทำให้ไวต่อการแพ้มากกว่าเดิม
อาการแพ้อากาศ ได้แก่ คันจมูก จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก หายใจลําบาก อาจมีอาการคันตา เคืองตา น้ําตาไหล ร่วมด้วย และในฤดูหนาว ผู้สูงอายุที่แพ้อากาศอาจมีอาการคันผิวหนัง ทำให้เป็นผื่น และผิวหนังอักเสบ
สำหรับผู้สูงอายุ การรับประทานยาแก้แพ้อากาศ จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
วิธีป้องกันภูมิแพ้อากาศสำหรับผู้สูงอายุ
- รักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัยไม่ให้มีฝุ่น ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ข้างนอกอาคาร เมื่อมีลมแรงหรือฝนตก เพราะละอองเกสรดอกไม้อาจปลิวมาตามลมได้
- งดทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการแพ้อากาศ เช่น การตัดหญ้า ตัดต้นไม้ กำจัดวัชพืช
- หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- ใช้ยาต้ามภูมิแพ้ตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า การแพ้อาหารเป็นอาการแพ้ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่แท้จริงแล้ว การแพ้อาหารสามารถเกิดขึ้นได้ในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุได้เช่นกัน โดยอาหารทะเลเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยที่สุด ในบางครั้งผู้ที่แพ้อาหารอาจรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ การทราบสาเหตุของการแพ้ให้แน่ชัด และใส่ใจส่วนประกอบของอาหารที่รับประทาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการแพ้
อาการแพ้อาหารอาจเกิดขึ้นได้ทันที ภายใน 5-30 นาที หลังจากรับประทานอาหาร และอาจปรากฏอาการหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน
อาการแพ้อาหารที่พบได้บ่อย มีดังนี้:
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
- ตาบวม ปากบวม ผิวหนังมีผื่นคัน
- ไอ จาม หายใจไม่ออก
- ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ
อาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้สูงอายุ ได้แก่:
- อาหารประเภทถั่ว
- ปลา อาหารทะเล
- แป้งสาลี
- ไข่
- สัตว์ทะเลเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมสด ชีส โยเกิร์ต
ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้โดยทั่วไป จะเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่การทราบสาเหตุของการแพ้ รวมถึงการทดสอบอาการแพ้ตามความเหมาะสม ก็จะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาหารแพ้ได้ นอกจากนี้การหมั่นดูแลร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะสามารถช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น