10 วิธีดูแลผู้สูงอายุให้สุขภาพดีทั้งกาย-ใจ
“ผู้สูงอายุ” โดยทั่วไปนอกจากมีปัญหาสุขภาพร่ายกายแล้วยังมีปัญหาด้านจิตใจสมทบด้วยภายในเวลาเดียวกัน เนื่องสภาพร่างกายที่เสื่อมสมรรถภาพตามอายุ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ใครมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ยิ่งต้องให้ความสำคัญ ทั้งในด้านปัญหาสุขภาพและสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งสิ่งนี้ผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือ บุคคลในครอบครัว ที่ต้องเข้าใจปัญหาต่างๆ ของผู้สูงอายุ เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยเรามี 10 วิธีหลักการจำง่ายๆ ต้องรู้เมื่อต้องดูแลผู้สูงอายุ
1.การเลือกอาหารให้เหมาะสมและเพียงพอสำหรับผู้สูงอายุ
ควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดการบริโภคแป้ง น้ำตาล และไขมัน ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีโอกาสสะสมในร่างกายได้มากขึ้นเนื่องจากความต้องการพลังงานของร่างกายลดลง โดยเฉพาะเมื่อกิจกรรมทางร่างกายลดลง อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุควรเน้นโปรตีนจากเนื้อปลามากขึ้นและเปลี่ยนมาใช้วิธีการปรุงอาหารเช่นต้ม นึ่ง ย่าง หรืออบ แทนการทอดหรือผัดที่ใช้น้ำมันมาก นอกจากนี้ ควรให้คำแนะนำให้รับประทานอาหารที่เสริมแคลเซียม สังกะสี และเหล็กจากอาหารเช่นนม ถั่วเหลือง ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหารที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความหวานหรือเค็มมากเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วยโดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวันเพื่อลดภาวะท้องผูกและส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ให้ดีขึ้น
2.การควบคุมน้ำหนักตัวให้ผู้สูงอายุไม่อ้วน
เป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะความอ้วนมีผลเสียต่อร่างกายทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ การควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มและปัญหาด้านกระดูกและข้อต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือด โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงอีกด้วย ดังนั้น ควรให้คำแนะนำให้ผู้สูงอายุรักษาพฤติกรรมการกินอาหารที่เหมาะสมและควบคุมพอเหมาะ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3.พาผู้สูงออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ
การพาผู้สูงอายุออกกำลังกายควรทำอย่างพอเหมาะและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุเอง หากผู้สูงอายุไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ผู้ดูแลควรศึกษาหลักการและวิธีการให้ถูกต้องก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุเกิดอันตรายจากการออกกำลังกายหรือการบาดเจ็บ หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อขอคำแนะนำและคำแนะนำเพิ่มเติมในการออกกำลังกาย
สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจำตัว ควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบแอโรบิคด้วยการทำกิจกรรมที่เบาๆ เช่น เดินเรียบ ๆ หรือการยืดกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย เมื่อร่างกายเริ่มเข้าสู่สภาพพร้อมสามารถเริ่มออกกำลังกายแบบเพิ่มความหนักและความแรงได้ โดยเริ่มจากออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
การออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีผลประโยชน์มากมาย เช่น ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ควรระมัดระวังและตระหนักถึงสภาพร่างกายของผู้สูงอายุเสมอ และหากมีอาการผิดปกติควรหยุดทันทีและปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
4. มีสภาพแวดล้อมที่ดีและสัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์บ้าง
การมีสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญเพื่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขา บ้านที่พักควรมีอากาศถ่ายเทที่ดี ไม่มีกลิ่นเหม็น อับอาจหรือสิ่งของล่วงหล่นตามพื้น ควรมีการปลูกต้นไม้และรั้วสีเขียวเพื่อเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้าน นอกจากนี้ ควรปรับแต่งภูมิทัศน์ภายในบ้านให้มีความโปร่งสบายและสะอาด
นอกเหนือจากการมีสภาพแวดล้อมที่ดีภายในบ้าน ควรพาผู้สูงอายุออกไปสัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์ได้ด้วย สามารถทำได้โดยการพาไปเที่ยวพักผ่อนในท้องถิ่นที่มีธรรมชาติงดงาม หรือหากไม่สะดวกในการเดินทางไกล สามารถเลือกที่พักอยู่ใกล้ๆ เช่น สวนสาธารณะ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติได้ในระดับที่เหมาะสม
5. หากิจกรรมสร้างสรรค์ให้ผู้สูงอายุทำ
การมีกิจกรรมสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีโอกาสพบปะเพื่อนหรือญาติ และสนทนากับผู้คนในวัยเดียวกัน สามารถจัดกิจกรรมนัดพบเพื่อนญาติ หรือมิตรสหายที่บ้าน เชิญชวนให้มาสังสรรค์เพื่อความสนุกสนาน หรืออาจพาผู้สูงอายุออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อน พาไปวัด หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชวนเชิญ
การมีกิจกรรมหรืองานอดิเรกทำจะช่วยให้ผู้สูงอายุชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทและสมอง รวมถึงลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุอีกด้วย ดังนั้น การสร้างสรรค์กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพวกเขา
6. ดูแลผู้สูงอายุ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ
การดูแลผู้สูงอายุเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อการพลัดตกหกล้ม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นสามารถทำได้โดยการเลือกกิจกรรมและการตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ไม่เสี่ยงต่อการสะดุดหรือลื่นไถล เช่น การตรวจสอบความเรียบร้อยของบันไดอย่างสม่ำเสมอ จัดเก็บของให้เป็นระเบียบ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุ
การพยายามป้องกันอุบัติเหตุในผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพวกเขาในอนาคต
7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม
การรับประทานยาของผู้สูงอายุควรถูกควบคุมโดยผู้ดูแลเพื่อป้องกันการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม บางครั้งผู้สูงอายุอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรับประทานยาหรือซื้อยาเอง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการรับประทานยาเกินขนาด หรือการรับประทานยาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงและเสี่ยงต่อชีวิตได้
ในกรณีที่ผู้สูงอายุต้องรับประทานยาประจำ ควรไม่ละเลยหรือขาดยา เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพที่แย่ลงหรือโรครุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ควรติดตามและควบคุมการรับประทานยาของผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่ายาถูกรับประทานตามคำสั่งของแพทย์และไม่เกินขนาดที่กำหนด
8. หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย
การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ดูแลควรทำเพื่อตรวจสอบสุขภาพของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ อาการที่ควรสังเกตเพื่อป้องกันอาการที่รุนแรงได้แก่การคลำพบก้อนเนื้อที่ไม่ปกติ แผลที่ไม่หายได้หรือหายยาก การลำบากในการกลืนอาหาร อาการท้องอืดหรือผูก ความเหนื่อยง่าย และอาการอื่นๆ เช่น การเบื่ออาหาร หรือการลดน้ำหนักโดยไม่ประสงค์
หากพบอาการดังกล่าว ควรพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์เพื่อการตรวจสุขภาพและการรักษาที่เหมาะสม การรับรู้และรักษาอาการผิดปกติตระหนักเร็วสามารถช่วยป้องกันภาวะที่รุนแรงขึ้นได้
9. ควรให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
เมื่ออายุมากขึ้น และไม่ได้รับผิดชอบในหน้าที่มากเท่าในอดีต คุณค่าและบทบาทของผู้สูงอายุจะถูกลดทอนลง จนบางครั้งกลายเป็นถูกละเลยความสำคัญ สร้างความทุกข์ใจให้กับผู้สูงอายุ บางรายอาจเกิดความน้อยใจ ซึมเศร้าลง และมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าสูง ดังนั้นการให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทต่อการตัดสินใจ ในบางเรื่องก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น
10. ตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย สำหรับการดูแลผู้สูงอายุ แนะนำให้ตรวจสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี หรืออย่างน้อยทุก 2 ปี เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค และค้นหาโรคเพื่อวางแผนการรักษาในระยะแรกเริ่ม เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง รวมถึงโรคมะเร็ง
เพื่อความสุขของผู้สูงอายุ ที่ถือเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของคนในครอบครัว นอกจากการดูแลสุขภาพร่างกายแล้ว เรื่องของสุขภาพจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน หากผู้สูงอายุมีความเครียด หรือกังวลกับเรื่องต่างๆ ย่อมส่งผลต่อร่างกาย และอาจเกิดภาวะเจ็บป่วยได้ในที่สุด