Every day

7:00 - 18:00

Call us

0970405069 , 0956416356

โรคหยุดหายใจขณะหลับแบ่งตามสาเหตุเป็น 3 แบบหลัก

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ลาดพร้าว WellQuest Wellness

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุลาดพร้าว

ภาวะการหยุดหายใจในขณะหลับพบส่วนใหญ่ในเพศชายมากกว่าเพศหญิงอาการแสดงมักมาด้วยอาการ 3 แบบหลักๆ คือ

  • นอนกรนมาก
  • ง่วงหลับในเวลากลางวัน รู้สึกไม่สดชื่น ขาดสมาธิในการทำงาน
  • หายใจลดลง บางครั้งมีการหยุดหายใจในขณะหลับ โดยแต่ละครั้งที่หยุดหายใจนั้น ใช้เวลาอย่างน้อย ครั้งละ 10 วินาที เป็นต้นไป

หากจำนวนครั้งของการหายใจลดลงหรือหยุดหายใจขณะหลับต่อชั่วโมง มีจำนวนมากกว่า 15 ครั้ง (Apnea-hypopnea index ; AHI) หรือ AHI มากกว่าหรือเท่ากับ 5 ครั้ง ร่วมกับมีอย่างน้อย 1 อาการที่แสดงถึงการมีความผิดปกติในการนอนหลับดังที่กล่าวมาข้างต้น จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งการวัดค่า AHI ดังกล่าวจะใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Polysomnography

การหยุดหายใจขณะหลับนั้นจะส่งผลให้เกิดการลดลงของปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะในตอนเช้า รู้สึกไม่สดชื่น รู้สึกเหมือนนอนหลับไม่เพียงพอ ง่วงในเวลากลางวัน สมาธิและความจำลดลง การตอบสนองช้าลง เป็นต้น หากอาการเป็นเรื้อรังจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ความดันโลหิตสูง

โรคหยุดหายใจขณะหลับแบ่งตามสาเหตุเป็น 3 แบบหลักๆ

  1. โรคหยุดหายใจขณะหลับจากความผิดปกติของระบบประสาทสั่งการด้านการหายใจ (central sleep apnea)
  2. โรคหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ (obstructive sleep apnea) อาการเด่นมักเป็นการกรน หรือการสำลักขณะหลับ ซึ่งแสดงถึงว่ามีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอยู่ ทำให้เมื่อตื่นนอนมาในตอนเช้ารู้สึกไม่สดชื่นและง่วงหลับในตอนกลางวันบ่อยๆ นอกจากนั้นผู้ป่วยยังอาจมีพฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในขณะหลับ เช่น ลุกมาเดินหรือรับประทานอาหารแปลกๆ ทั้งที่หลับอยู่ ขากระตุก หรือทำกิจกรรมตามความฝัน การกรนในขณะนอนหลับนั้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ
  3. โรคหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดจากทั้งความผิดปกติของระบบประสาทสั่งการด้านการหายใจและการอุดกั้นของทางเดินหายใจ (mixed sleep apnea) ซึ่งสาเหตุของโรคหยุดหายใจในขณะหลับมีดังต่อไปนี้
    • น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและโรคอ้วน เนื่องจากไขมันที่มากขึ้นจะทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การที่รูปร่างผอมก็อาจทำให้เกิดภาวะดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน
    • การสูบบุหรี่ เนื่องจากทำให้เกิดการระคายเคืองต่อช่องปากโดยรวมและสารนิโคตินในบุหรี่ยังทำให้เกิดผลเสียต่อระบบประสาทส่วนกลางอีกด้วย โดยคนที่สูบบุหรี่นั้นจะเพิ่มอัตราการเกิดการหยุดหายใจขณะหลับเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่สูบบุหรี่
    • การดื่มสุราและการใช้ยานอนหลับ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการหย่อนและคลายตัวของกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจ ทำให้ส่งเสริมการอุดกั้นของทางเดินหายใจมากขึ้น
    • ลักษณะทางกายวิภาคของคางและใบหน้า เช่น หากผู้ป่วยคางเล็กหรือคางหลุบก็จะทำให้เกิดทางเดินหายใจอุดกั้นได้ง่ายขึ้น
    • อายุที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนมากมักเกิดบ่อยขึ้นในช่วงอายุ 60 – 70 ปี เมื่ออายุเพิ่มขึ้นโอกาสเกิดภาวะการหยุดหายใจในขณะหลับจะเพิ่มตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยานั้นส่งเสริมการเกิดภาวะดังกล่าวมากขึ้น เช่น ไขมันที่เพิ่มขึ้นตามอายุ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวมลดลง การเปลี่ยนแปลงของลักษณะทางกายวิภาคของทางเดินหายใจ ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจมากขึ้น การลดลงของฮอร์โมนไทรอยด์และการลดลงของปริมาตรปอดโดยรวม
    • ต่อมอะดีนอยด์หรือต่อมทอนซิลโตผิดปกติ รวมถึงลักษณะของเยื่อบุโพรงจมูกและผนังกั้นโพรงจมูกที่ผิดปกติ
    • การเข้าสู่วัยทอง เมื่อเริ่มย่างเข้าสู่วัยทองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยปกติแล้วในช่วงก่อนหมดประจำเดือนฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้จะทำงานสอดคล้องกันอย่างสมดุลเพื่อให้การนอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อหมดประจำเดือนแล้วระดับฮอร์โมนทั้งสองจะขาดความสมดุลซึ่งกันและกัน ทำให้การนอนหลับไม่ราบรื่นเหมือนเดิม
    • โรคทางอายุรกรรมอื่นๆ เช่น หัวใจวาย น้ำท่วมปอด ไตวายเรื้อรัง ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด พังผืดในปอด โรคอะโครเมกกะลี เส้นเลือดตีบหรือแตกในสมอง
    • การตั้งครรภ์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*
*