เบาหวานกับผู้สูงวัย
ความเสื่อมกับเบาหวาน
การเสื่อมสภาพร่างกายเมื่อมองในมุมของโรคเบาหวานและผู้สูงวัยมีความสัมพันธ์กันอย่างน่าสนใจ จากการวิจัยพบว่าเมื่อคนเดินทางไปสู่ช่วงอายุที่มากขึ้น ความเสื่อมที่เกิดในระบบต่าง ๆ ของร่างกายมักจะเพิ่มขึ้น เช่น โรคซึมเศร้า โรคสมองเสื่อม และการลดการเผาผลาญ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองอุดตันมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่มีอายุน้อยและเป็นโรคเบาหวานเช่นกัน
การเป็นโรคเบาหวานในวัยที่มากขึ้นก็มีผลต่อการเสื่อมสภาพร่างกายมากขึ้น เนื่องจากโรคเบาหวานที่ไม่ควบคุมได้ในผู้สูงวัยอาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานมากขึ้น และส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายอย่างทั่วไป ซึ่งอาจเสี่ยงต่อภาวะการได้ยินลดลง โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และการเสื่อมสภาพทางสมอง ทำให้ความจำและความสามารถในการรับรู้ลดลง
การรักษาเบาหวานในผู้สูงวัย
การรักษาโรคเบาหวานในผู้สูงวัยปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งในด้านการใช้ยาและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย ทำให้ผู้สูงวัยสามารถรักษาโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเสื่อมสภาพร่างกายลดลงและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้ดีขึ้น
การรักษาโรคเบาหวานในผู้สูงวัยควรเริ่มต้นด้วยการวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างผู้ป่วยเอง ครอบครัว และทีมแพทย์ โดยการกำหนดเป้าหมายในการควบคุมโรคเบาหวานและการดูแลสุขภาพโดยรวม รวมถึงการกำหนดเป้าหมายในระดับน้ำตาลในเลือด (HbA1c) การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
ในการรักษาโรคเบาหวานในผู้สูงวัยควรระวังปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ เนื่องจากภาวะน้ำตาลต่ำอาจมีผลกระทบต่อสมองและหัวใจอย่างรุนแรง การเลือกใช้ยาที่มีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำน้อยที่สุดเป็นสำคัญ และควบคุมการรักษาโรคร่วมอื่น ๆ อีกด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และรับวัคซีนต่าง ๆ ที่จำเป็นตามคำแนะนำของแพทย์
สิ่งที่ต้องระวังเมื่อรักษาเบาหวานในผู้สูงวัย
การดูแลรักษาเบาหวานในผู้สูงวัยเรียกให้ควรระวังและทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- ป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำ: ภาวะน้ำตาลต่ำสามารถมีผลกระทบต่อการรับรู้ของสมองและหัวใจได้โดยตรง หากเกิดขึ้นควรรีบรับประทานแป้งหรือน้ำตาล แล้วหลังจากนั้นปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสม
- เลือกใช้ยาที่มีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำน้อย: เลือกใช้ยาที่มีโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำน้อยเป็นอันดับแรก หากควบคุมไม่ได้ค่อยเลือกยาที่ลดน้ำตาลได้มากหรือฉีดยาอินซูลิน
- ควบคุมรักษาโรคร่วมอื่น ๆ: การดูแลรักษาเบาหวานในผู้สูงวัยไม่เพียงแต่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ยังต้องควบคุมรักษาโรคร่วมอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคฟันผุ รวมถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อด้วย
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต: ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยการเลี่ยงอาหารรสหวาน เลือกอาหารกากใยสูง ไขมันต่ำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และงดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การติดตามนัดหมายแพทย์: ควรพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้งและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- การดูแลรักษาเบาหวานเฉพาะบุคคล: การดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นผู้สูงวัยต้องพิจารณาเฉพาะบุคคลและทำงานร่วมกับทีมแพทย์ที่มีความชำนาญ ร่วมกับคนในครอบครัวและผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด
การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นผู้สูงวัยมีความแตกต่างกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อายุน้อย และการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ว่าไปจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว.